บ่อดักไขมัน (Grease Trap) |
บ่อดักไขมันใช้สำหรับบำบัดน้ำเสียจากครัวของบ้านพักอาศัย
ห้องอาหารหรือภัตตาคาร เนื่องจาก
น้ำเสียดังกล่าวจะมีน้ำมันและไขมันปนอยู่มาก
หากไม่กำจัดออกจะทำให้ท่อระบายน้ำอุดตัน
โดยลักษณะน้ำเสียจากครัวของบ้านพักอาศัยกรณีที่ไม่ผ่านตะแกรงจะมีน้ำมันและไ
ขมันประมาณ 2,700 มิลลิกรัม/ลิตร หากผ่านตะแกรงจะมีน้ำมันและไขมันประมาณ
500 มิลลิกรัม/ลิตร
สำหรับลักษณะน้ำเสียจากครัวของภัตตาคารจะมีน้ำมันและไขมันประมาณ 1,500
มิลลิกรัม/ลิตร ดังนั้น
บ่อดักไขมันที่ใช้จะต้องมีขนาดใหญ่เพียงพอที่จะกักน้ำเสียไว้ระยะหนึ่งเพื่อ
ให้ไขมันและน้ำมันมีโอกาสลอยตัวขึ้นมาสะสมกันอยู่บนผิวน้ำ
เมื่อปริมาณไขมันและน้ำมันสะสมมากขึ้นต้องตักออกไปกำจัด เช่น
ใส่ถุงพลาสติกทิ้งฝากรถขยะหรือนำไปตากแห้งหรือหมักทำปุ๋ย
บ่อดักไขมันจะสามารถกำจัดไขมันได้มากกว่าร้อยละ 60
บ่อดักไขมันมีทั้งแบบสำเร็จรูปที่สามารถซื้อและติดตั้งได้ง่าย
หรือสามารถสร้างเองได้ โดยใช้วงขอบซีเมนต์หรือถังซีเมนต์หินขัด
ซึ่งประหยัดค่าใช้จ่ายกว่าแบบสำเร็จรูป
และสามารถปรับให้เหมาะสมกับพื้นที่และปริมาณน้ำที่ใช้
การสร้างบ่อดักไขมัน
การออกแบบบ่อดักไขมันสำหรับประเทศไทยซึ่งมีอุณหภูมิสูง
การจับตัวของไขมันช้า ดังนั้นระยะเวลากักพัก (Detention Time)
ของบ่อดักไขมันจึงไม่ควรน้อยกว่า 6 ชั่วโมง
เพื่อให้น้ำมันและไขมันมีโอกาสแยกตัวและลอยขึ้นมาสะสมกันอยู่บนผิวน้ำ
และตักออกไปกำจัดเมื่อปริมาณไขมันและน้ำมันสะสมมากขึ้น
เนื่องจากบ่อที่ใช้สำหรับบ้านเรือนจะมีขนาดเล็กทำให้ไม่คุ้มกับการก่อสร้างแ
บบเทคอนกรีตเสริมเหล็ก
ดังนั้นอาจก่อสร้างโดยใช้วงขอบซีเมนต์ที่มีจำหน่ายทั่วไปนำมาวางซ้อนกัน
เพื่อให้ได้ปริมาตรเก็บกักตามที่ได้คำนวณไว้
โดยทางน้ำเข้าและทางน้ำออกของบ่อดักไขมันอาจจะใช้ท่อรูปตัวที (T)
หรือแผ่นกั้น (Baffle)
สำหรับในกรณีที่น้ำเสียมีปริมาณมากอาจก่อสร้างจำนวนสองบ่อหรือมากกว่าตามควา
มเหมาะสม แล้วแบ่งน้ำเสียไหลเข้าแต่ละบ่อในอัตราเท่า ๆ กัน
ขนาดมาตรฐานบ่อดักไขมันแบบวงขอบซีเมนต์สำหรับบ้านพักอาศัย |
|
|
จำนวนคน | ปริมาตรบ่อที่ต้องการ
(ลบ.ม.) | ขนาดบ่อ | จำนวนบ่อ
(บ่อ) | เส้นผ่านศูนย์กลาง |
ความลึกน้ำ (ม.) | 5 | 0.17 | 0.8 | 0.40 | 1 |
5-10 | 0.34 | 0.8 | 0.70 | 1 |
10-15 | 0.51 | 1.0 | 0.70 | 1 |
15-20 | 0.68 | 1.2 | 0.60 | 1 |
20-25 | 0.85 | 1.2 | 0.80 | 1 |
25-30 | 1.02 | 1.0 | 0.70 | 2 |
30-35 | 1.19 | 1.0 | 0.80 | 2 |
35-40 | 1.36 | 1.2 | 0.60 | 2 |
40-45 | 1.53 | 1.2 | 0.70 | 2 |
45-50 | 1.70 | 1.2 | 0.80 | 2 |
หมายเหตุ : ความสูงของวงขอบซีเมนต์ทั่วไปประมาณ 0.33 ม.
ดังนั้นถ้าหากความลึกน้ำ = 0.40 ม. จึงต้องซ้อนกันอย่างน้อยสองวง
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสูงของระดับฝาบ่อด้วย
ที่มา : คู่มือเล่มที่ 2 สำหรับผู้ออกแบบและผู้ผลิตระบบบำบัดน้ำเสียแบบติดกับที่, กรมควบคุมมลพิษ 2537
ขนาดมาตรฐานบ่อดักไขมันแบบสร้างในที่สำหรับภัตตาคาร |
|
|
ขนาดพื้นที่ (ตารางเมตร) | ปริมาตรบ่อที่ต้องการ (ลบ.ม.) | ขนาดบ่อ |
ความลึก (ม.) | ความกว้าง
(ม.) | ความยาว (ม.) |
10 | 0.19 | 0.40 | 0.50 | 1.00 |
10-25 | 0.47 | 0.60 | 0.60 | 1.30 |
25-50 | 0.94 | 0.75 | 0.80 | 1.60 |
50-75 | 1.41 | 0.75 | 1.00 | 2.00 |
75-100 | 1.88 | 0.80 | 1.10 | 2.20 |
100-125 | 2.35 | 0.85 | 1.20 | 2.40 |
125-150 | 2.82 | 0.90 | 1.20 | 2.60 |
150-175 | 3.29 | 1.00 | 1.30 | 2.60 |
175-200 | 3.76 | 1.00 | 1.35 | 2.80 | |
หมายเหตุ ในกรณีที่ต้องการสร้างด้วยวงขอบซีเมนต์
ให้เทียบใช้กับปริมาตรบ่อของวงขอบขนาดต่างๆ ตามตารางข้างบน
สำหรับภัตตาคารขนาดใหญ่ต้องเพิ่มจำนวนบ่อให้ได้ปริมาตรรวมเท่ากับปริมาตรบ่อที่ต้องการ
ที่มา : คู่มือเล่มที่ 2 สำหรับผู้ออกแบบและผู้ผลิตระบบบำบัดน้ำเสียแบบติดกับที่, กรมควบคุมมลพิษ 2537
การใช้งานและดูแลรักษา
ปัญหาสำคัญของบ่อดักไขมัน ก็คือ
การขาดการดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งจะทำให้เกิดความสกปรกและกลิ่นเหม็น
เกิดการอุดตันหรืออาจเป็นที่อยู่อาศัยของแมลงสาบและอื่นๆ ได้
รวมทั้งทำให้บ่อดักไขมันเต็มและแยกไขมันได้ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ
ซึ่งการดูแลรักษาควรดำเนินการอย่างสม่ำเสมอ ดังนี้
1. ต้องติดตั้งตะแกรงดักขยะก่อนเข้าบ่อดักไขมัน
2. ต้องไม่ทะลวงหรือแทงผลักให้เศษขยะไหลผ่านตะแกรงเข้าไปในบ่อดักไขมัน
3. ต้องไม่เอาตะแกรงดักขยะออก ไม่ว่าจะชั่วคราวหรือถาวร 4. ต้องหมั่นโกยเศษขยะที่ดักกรองไว้ได้หน้าตะแกรงออกสม่ำเสมอ 5. ห้ามเอาน้ำจากส่วนอื่นๆ เช่น น้ำล้างมือ น้ำอาบ น้ำซัก น้ำฝน ฯลฯ เข้ามาในบ่อดักไขมัน 6. ต้องหมั่นตักไขมันออกจากบ่อดักไขมันอย่างน้อยทุกสัปดาห์
นำไขมันที่ตักได้ใส่ภาชนะปิดมิดชิดและรวมไปกับขยะมูลฝอย
เพื่อให้รถเทศบาลนำไปกำจัดต่อไป
7. หมั่นตรวจดูท่อระบายน้ำที่รับน้ำจากบ่อดักไขมัน
หากมีไขมันอยู่เป็นก้อนหรือคราบ ต้องทำตามข้อ 6 ถี่มากขึ้นกว่าเดิม
นอกจากนี้ยังมีบ่อดักไขมันสำเร็จรูป
ดังนั้นการพิจารณาใช้ควรคำนึงถึงขนาดของถังที่ได้ตามมาตรฐานที่ได้กำหนดไว้
รวมถึงประสิทธิภาพการกำจัดไขมันและต้องตรวจสอบกับมาตรฐานอุตสาหกรรมที่กำหนด
เพื่อให้ได้มาตรฐานและเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค
ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจากเว็บไซท์ของกรมควบคุมมลพิษ
http://www.pcd.go.th
|